กระทรวงพลังงานดีอย่างไร?

ทราบหรือไม่ว่ากระทรวงศึกษาธิการได้รับทุนสนับสนุนมากที่สุดในประเทศไทย? แต่มีพันธกิจอย่างหนึ่งที่ทุกคนอยากเป็นศิษยาภิบาล ถึงงบจะน้อยแต่ก็คือได้ว่าเป็น "กระทรวงพลังงาน"

กระทรวงพลังงานก่อตั้งขึ้นในปี 2545 โดยมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมและดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ภายในกรมพลังงาน ได้แก่

กระทรวงพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจัดหาและบริหารจัดการแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ


งบประมาณกระทรวงพลังงาน ย้อนหลัง 3 ปี

2,053 ล้านบาทในปี 2560

ในปี 2561 มูลค่ารวม 2.221 พันล้านบาท

2.3 พันล้านบาทในปี 2562

จำนวนงบประมาณนี้

กระทรวงมหาดไทย ด้วยงบประมาณ 373,520 ล้านบาท

กระทรวงกลาโหมมีงบประมาณ 227,671 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีงบประมาณน้อยกว่า กระทรวงมีหน้าที่ดูแลรัฐวิสาหกิจที่หลายคนคุ้นเคย: กฟผ. และ ปตท. ปตท. ถือหุ้นมากกว่า 65% จึงสามารถรวม ปตท.สผ. ได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับอำนาจ ธุรกิจเชื้อเพลิง

แล้วรายได้และผลกำไรของรัฐวิสาหกิจและรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ในปี 2561 เป็นอย่างไร?

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

รายได้ 524,767 ล้านบาท

กำไร 48,808 ล้านบาท

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

รายได้ 2,367,958 ล้านบาท

กำไร 119,683 ล้านบาท

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

รายได้ 176,943 ล้านบาท

กำไร 36,206 ล้านบาท

3 ที่ด้วยกัน

รายได้ 3,069,668 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ของประเทศ

เกินงบประมาณแผ่นดิน 3,000,000 ล้านบาท ในปี 2562

ที่น่าสนใจคือหลายคนมองว่ากระทรวงพลังงานเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่มากมาย เนื่องจากรัฐวิสาหกิจลงทุนในกระทรวงพลังงานรวมกว่า 4 แสนล้านบาท นอกจากนี้ กรมพลังงานยังถือเป็นศูนย์กลางของธรรมาภิบาล การขึ้นและลงของราคาน้ำมันและไฟฟ้า

รวมถึงกลยุทธ์การจัดหาพลังงานเช่น

มันเป็นข้อได้เปรียบที่ซ่อนอยู่เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น นั่นเป็นงบประมาณของกระทรวงพลังงานหลายร้อยเท่า แม้ภายใต้แผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ (PDP) ก็ให้อำนาจเต็มที่ในการบริหารนโยบายพลังงาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานและไม่ต้องส่งกลับสภานโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณาการจัดซื้อโรงไฟฟ้า แปลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหลายคนปรารถนาที่จะเป็นรัฐมนตรีเพราะพวกเขามีอำนาจที่จะทำ พิจารณา และตัดสินใจในการตัดสินใจที่สำคัญในภาคพลังงาน เหมือนในข่าวคราวที่แล้ว คุณคงเคยได้ยินคนพูดกัน นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป

แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคุณ เราใช้เองหรือเลือกสร้างประโยชน์ให้ส่วนรวม หากเราเลือกวิธีแรก เราอาจร่ำรวยยิ่งขึ้นในการหาผลประโยชน์ให้ตนเองและเพื่อนร่วมงาน ถ้าเลือกวิธีที่สอง จะไม่รวยเท่าวิธีแรก แต่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม อยู่ที่เราเลือกว่าจะเดินทางแบบไหน ทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่จดจำเราตลอดไป

ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาด้านพลังงาน ด้วยแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่เพียงพอสำหรับการผลิตและบริการของภาครัฐและเอกชน พลังงานประเภทต่างๆ ประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะน้ำมันจากต่างประเทศ หรือ 63 ล้านบาร์เรลของแหล่งน้ำมันของประเทศ ขึ้นอยู่กับ % เป็นผลให้วิกฤตพลังงานโลกส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเงินและการเงินตลอดจนภาคการผลิตและการบริการของภาครัฐและเอกชนของไทย ด้วยเหตุนี้ ปัญหาด้านพลังงานจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่นในโลก ดังนั้นคุณต้องเตรียมพลังงานของคุณ จัดหาแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นโดยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในประเทศ โดยคำนึงถึงพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจังและบริหารจัดการคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและผู้บริโภค เราช่วยให้ภาคเอกชนแข่งขันในการดำเนินธุรกิจพลังงานในประเทศ

อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงาน โครงสร้างองค์กรด้านพลังงานของประเทศมีน้อย บาคาร่าออนไลน์ ความรับผิดชอบอยู่กับกระทรวง แผนก และแผนกต่างๆ มากมาย เป็นองค์กรที่มีส่วนราชการ อาจเป็นเพราะความจำเป็นในการกระจายอำนาจขององค์กรพลังงานของรัฐ ซึ่งมีลักษณะการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการเป็นธุรกิจที่มีเสถียรภาพหรือเป็นสาธารณูปโภค วัตถุประสงค์และสถานการณ์ในการก่อตั้งธุรกิจแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย สถาบันบางแห่ง เช่น การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสาธารณูปโภคเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของเมืองและภูมิภาค จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่มีกระทรวง แผนก หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการผลิตพลังงานบางหน่วย ดังนั้นภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก หน่วยงานด้านพลังงานแบบกระจายเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และบางครั้งการดำเนินการของหน่วยงานหนึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหน่วยงานอื่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 รัฐบาลพบว่าจำเป็นต้องประสานนโยบายและดูแลหน่วยงานที่กระจายอำนาจเหล่านี้ให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน พ.ศ. 2535 สนับสนุนหน่วยงานนี้อย่างเป็นทางการ โดยเป็นสถาบันระดับกรมสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี

คณะกรรมการกระทรวงพลังงานชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและประกอบด้วยรัฐมนตรีจากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้อำนวยการบริหารเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจตัดสินใจได้แทนคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ด้วยหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านพลังงานกระจายไปทั่วกว่า 20 แผนกใน 9 กระทรวง งานจนถึงปัจจุบันจึงอยู่ภายใต้นโยบายการจัดการ แต่ละสถาบันพิจารณาภายใต้กรอบอำนาจทางกฎหมาย ตั้งแต่เริ่มแรก รัฐบาลได้พิจารณาจัดตั้ง "กระทรวงพลังงาน" แต่ล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจนถึงการบริหารในปัจจุบัน