พายุโนรู ซูเปอร์ไต้ฝุ่น สะเทือนขวัญชาวไทยทั่วทุกมุมเมือง

ในตอนนี้กระแสของ พายุโนรู หรือซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีการกล่าวถึงกันมากที่สุดในช่วงเวลานี้ ซึ่งได้มีจุดกำเนิด อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านทิศตะวันออกของฟิลิปปินส์ โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ หรือ จีสด้า GISTDA ได้มีการออกเตือนถึงความรุนแรง และความน่ากลัวของพายุลูกนี้กันอย่างเป็นทางการเลยทีเดียว โดยแน่นอนว่าเพิ่งจะผ่านการถล่มฟิลิปปินส์มาแบบสดๆ ร้อนๆ และสร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งการเคลื่อนตัวของเจ้าพายุลูกนี้นั้นได้เป็นที่จับตามองของทุกคนเป็นที่สุด ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลจีนใต้ และจะมีการเคลื่อนตัวยกพลขึ้นบก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงแล้วในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ลาว และประเทศไทย ก็จะสามารถที่จะได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ได้อย่างเต็มๆ ซึ่งในตอนนี้พายุดังกล่าวได้ถูกกล่าวถึงไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตามที ก็จะได้ยินชื่อเสียงของไต้ฝุ่นโนรูเป็นแน่แท้จริงไหม

ทำความรู้จักกับ พายุโนรู และพายุทุกรูปแบบให้มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น พายุโนรู หรือจะเป็นพายุในรูปแบบใดๆ ก็ตามทีนั้น แน่นอนว่าจะมีอำนาจของการทำลายล้างอยู่ไม่มากก็น้อย แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศ และสถานที่เกิดพายุนั้นๆ โดยไม่แน่ชัดว่าจุดกำเนิดที่แท้จริงนั้นจะสามารถเกิดซ้ำในจุดเดิมเสมอหรือไม่ ซึ่งหลายท่านก็อาจจะเคยได้ยินแต่คำว่าพายุ แต่ถ้าหากจะรู้จักกับพายุทุกรูปแบบอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ ตามเรามาได้เลยทางนี้ ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในการแยกแยะประเภทของพายุให้คุณได้เข้าใจกันอย่างชัดเจนในระดับหนึ่งเลยทีเดียวละ

ชื่อ และความหมายของ พายุโนรู สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้

ในตอนนี้จะเฉลยกันเลยกับความลับของชื่อของ พายุโนรู ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่รู้เป็นแน่แท้ โดยชื่อของ NORU นั้นจะแปลว่ากวางโร เป็นชื่อของพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 5 ลำดับที่ 11 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ ส่งโดยประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในปี 2560 NORU นั้นได้คือเริ่มก่อตัวในวันที่ 19 กรกฎาคม และได้มีการทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนวันที่ 23 กรกฎาคม NORU ไม่มีความเร็วลมถึงระดับพายุไต้ฝุ่น และเป็นพายุในรูปแบบของความรุนแรงอันดับแรกของฤดูในปี 2560 ในวันที่ 28 กรกฎาคมซึ่ง NORU นั้นก็ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนจนวันที่ 30 กรกฎาคม เริ่มทวีความรุนแรง และเคลื่อนไปในทิศทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีความเอื้ออำนวยต่อการเกิดพายุ โดยได้ทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วเป็นพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นลูกแรกในวันที่ 31 กรกฎาคม ต่อมาในช่วงต้นเดือนของสิงหาคม พายุโนรู มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยในขณะที่โค้งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยหลังจากนั้นก็เริ่มอ่อนกำลังกลายเป็นพายุโซนร้อนอีกครั้งในวันที่ 5 สิงหาคมปีเดียวกัน และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปยังภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น และขึ้นฝั่งในวากายามะ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม และสลายไปในวันนั้น

โดยต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน พายุโนรู ฉบับที่ 1 โดยบอกว่าพายุดีเปรสชั่นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก หรือทางด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนแล้วหลังจากนั้นกำลังจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงในทะเลจีนใต้ ช่วงกลางวันที่ 25-26 กันยายน 2565 ก็จะกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นโนรูวันที่ 25 กันยายน จนหลายหน่วยงานในตอนนี้ได้ออกมาเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็จะเป็นน้ำท่วมฉับพลัน โดย NORU นั้นได้มีการคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ประเทศไทย และหลังจากนั้นจะมีการเคลื่อนตัวของพายุที่ช้าลงทำให้เกิดฝนตกแช่ติดต่อกันประมาณ 2-3 วัน ดังนั้นในพื้นที่อาจจะมีการขังของมวลน้ำจำนวนมากอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ซึ่งแน่นอนว่ากรมอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศไทยจะทำการประเมิน พายุโนรู เป็นรายชั่วโมง และมีการแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

เปิดเส้นทาง พายุโนรู พร้อมความรุนแรงเมื่อเข้าสู่ประเทศไทย

นับว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นไม่น้อยกับ พายุโนรู (NORU) ที่มีการเคลื่อนตัวอยู่ทางด้านทะเลจีนใต้ตอนกลาง โดยตอนนี้นั้นมีศูนย์กลางห่างประมาณ 240 กิโลเมตรทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฮอยอันประเทศเวียดนาม หรืออยู่ในละติจูดที่ 15.713311 ลองติจูดที่ 110.6 องศาตะวันออก โดยในตอนนี้นั้น พายุโนรู มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมาเมื่อเวลา 16:00 น. ของวันที่ 27 กันยายนทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการรายงานอย่างเป็นทางการว่าพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางด้านทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณเมืองฮอยอันประเทศเวียดนาม ในวันที่ 28 กันยายน และจะอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนผ่านทางด้าน สปป.ลาว ตอนล่าง และปกคลุมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ในบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 29 นี้ หลังจากนั้นจะมีการอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ถึงจะมีการส่งผลให้หลายพื้นที่นั้นมีฝนตกหนัก และหนักมากในบางแห่ง ตลอดจนจะมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมไปจนถึงกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล โดยในตอนนี้ได้มีการรายงานว่าจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ ในบริเวณจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 21-23 องศาเซลเซียส และสูงสุดอยู่ที่ 28 ถึง 31 องศาเซลเซียส โดยมีความเร็วของลมแปรปรวน 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหนึ่งในข้อมูลของพายุที่น่าจับตามองลูกหนึ่งเลยทีเดียว

การรับมือกับ พายุโนรู และการเกิดพายุในทุกครั้งของทุกคน

วิธีการป้องกัน และเตรียมตัวรับมือกับความเสียหายของ พายุโนรู หรือจะเป็นในรูปแบบของพายุใด ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล และความรู้ตรงนี้แล้วละก็ ตามเรามาได้เลยกับการเตรียมตัวก่อนเกิดพายุที่เรานำมาเฉลยให้ทุกคนได้รู้กัน

ไม่ว่าจะเป็น พายุโนรู หรือจะเป็นรูปแบบพายุใดๆ ที่จะเข้ามาเยือนประเทศไทย หรือสถานที่ที่คุณอยู่อาศัยในทุกๆ ครั้ง ขอให้ท่องจำไว้เลยว่านี่ไม่ใช่พายุลูกสุดท้ายอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามทีที่สามารถจะรู้จากประสบการณ์ที่มีอยู่ และสามารถเอาตัวรอดได้นั่นคือประสบการณ์ตรง และขอให้ทุกท่านมีการพัฒนาตลอดจนสั่งสมประสบการณ์ในการเอาตัวรอดนั้น จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สามารถทำให้คุณนั้นจึงอยากอยู่บนโลกนี้ได้แบบปลอดภัย ไม่ว่าจะเจอเหตุใดๆ ก็ตามที นี่คือคำเตือนที่แท้จริง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/general-news/230706/ , https://www.amarintv.com/news/detail/149684 ,https://thestandard.co/typhoon-noru-destruction/